วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สุภาษิตอิสาน 1 โดย หลวงปู่สาวกโลกอุดร





google-site-verification: google90b75d3a5f685e02.html

คำทำนายของหลวงปู่สาวกโลกอุดร




คำทำนายจากหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล

ทุกวันนี้เข้ากลียุคสังคมจะสอนพระ
หากพระไปสอนสังคมเขาจะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระเหลวไหล
ถ้าใครวิ่งตามสังคม ความล่มจมจะมาถึง
ถ้าใครวิ่งตามความเจริญความยับเยินย่อยยับจะมาถึง
สังคมเดี๋ยวนี้ได้เข้าถึงจุดกลียุค จึงลุกเป็นฟืนเป็นไฟ
อนาคตต่อไปภายหน้า น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว
ชาวเมืองคนจะล้มตายคล้ายเขาเบื่อปลา
ชาวประชาจะหูเบา เชื่อตามกระแสข่าวลือโลกาธิปไตย
คือเชื่อถือตามคนส่วนมากลากไป

บางยุคบางสมัย
ในน้ำจะไม่มีปลา ในนาจะไม่มีข้าว
คนผิวขาวจะเข้าครอง น้ำอยู่ตามห้วยหนองคลองบึงจะเหือดแห้ง
ข้าวปลาอาหารสิ่งของต้องการบริโภคจะไม่เพียงพอ
สิ่งก่อสร้างจะพุ่งแพง ภัยแล้งจะเผาผลาญ
ทั่วจักรวาลดินฟ้าอากาศจะเปลี่ยนแปลงเกิดอาเพศ
พวกอวดตัวว่าเป็นผู้วิเศษอย่างออกหน้า
นับถือศาสนาเหมือนดั่งว่าเขาเป็นสาวกพญามาร
ฝูงชนจะหลงใหลกันไปบนบานบูชากราบไหว้

มือใครยาวสาวได้สาวเอา
พวกงี่เง่าเจ้าเล่ห์เพทุบาย จะหลอกขายข่าวลือ
แบบผีกระสือกระหายให้คนหลงเชื่อแบบงมงาย
จะทำลายพระศาสดา พวกหน้าหนาปัญญาปีศาจฉลาดแกมโกง
จะกอบโกยกินบ้านเมืองอย่างน่าทุเรศ
พวกอัญญะสัตตถุเทสเหมือนเข้ารีตเดียรถีย์
มีบริวารเป็นคนมารยาจะพากันรุ่งเรือง
ชาวบ้านชาวเมืองจะอดอยากหิวโหยทุกข์ยากลำบากใจไปทั่วโลก
พวกโสโครกจะมั่งมีได้ดีเป็นใหญ่
ต่อไปฝูงชนจะยกพวกเข้ารบราฆ่าฟันลันแทงกัน
จนเลือดไหลนองกองท่วมพสุธาน่าอุจาด

ไฟสงครามกลียุคจะระบาดไปทั่วทุกประเทศ
พวกกิเลสหนาพากันประจบสอพลอจะได้ดี
อลัชชีจะขึ้นทรงสุขสบายร่ำรวยมีศักดิ์ศรี
พระสงฆ์องค์ชีผู้ปฏิบัติดีจะเดือดร้อนยิ่งกว่าตกเป็นทาสสมัยก่อน
หนอนในไส้จะแผลงฤทธิ์คิดขยาย
เชื้อโรคร้ายรักษาไม่หายจะมีมาอีก
เชื้อสารพิษร้ายจะเข้าเผาลนใจกายให้วอดวายตายไปทั้งโลก
ความเศร้าโศกโศกาประชาชาติจะพินาศล่มจม
นิสัยสังคมจะเปลี่ยนแปลงวิปลาสขาดสติไปทั่วโลกา
สงครามจอมซ่าส์บ้าคลั่งศาสนาแบบคนเถื่อนจะมีเกลื่อนแผ่นดิน
ฝูงชนจะแย่งกันอยู่แย่งกันกิน

พวกจำศีลภาวนาตั้งอยู่ในศีลห้า
มีศีลธรรมนำหน้าประทับตราประจำใจ
จึงจะพ้นภัยอุบาทว์จากพวกวิหิงสา
ต่อแต่นี้ไปทุกชาติทุกศาสนาทั่วทั้งโลกใบนี้
จะเกิดมีแต่ภัยพิบัติไปจนถึงที่สุดพุทธันดร**


ต่อจาก พ.ศ. 5000 ไปอีก 80,000 ปี
ธรรมชาติในโลกใบนี้จึงจะกลับขึ้นมาสมดุลใหม่อีกครั้งหนึ่ง
และก็จะเข้าสู่ยุคของ พระศรีอริยเมตตรัยสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้.

(**คือสิ้นศาสนาพุทธ 5,000 ปี ของยุคพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า)

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คำกลอน อวยพรจากหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล


เมื่อเราทำ         ทานใด              ไว้ในโลก

                                              ให้มีโชค                 เจิดจ้า                    พาสดใส


                                              เป็นขุมทรัพย์         ทัพหน้า                 พาสุขใจ


                                              เป็นนิสัย                ติดไป                   ไว้ในตน



                                              อันสมบัติ             ในมนุษย์               สุดเที่ยงแท้


  ก็มีแต่                   บุญทาน                 การกุศล


      ทานประเสริฐ        เลิศเด่น                  เป็นมงคล


      ให้มีผล                  งอกงาม                 ตามเราไป


    เหตุดังนั้น             หลวงปู่                  เพ่งดูเหตุ


   ตามนิเทศ              บอกแจ้ง                แถลงไข


      ให้ญาติโยม           รวยล้น                   และพ้นภัย

 ส่งผลให้                ภพหน้า                 สถาพร


        ให้ทุกท่าน             สร้างบุญ                เป็นทุนอ้าง


          อย่าเว้นห่าง          ผู้รู้                           หลวงปู่สอน

          ท่านจงพึ่ง             ผลทาน                  ผ่านคำกลอน

       คำอวยพร              หลวงปู่ให้             รับไว้เทอญ

(พรจากหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล)


  

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานปริวาสกรรมบ้านนาน้อย 29 มีนาคม 2543

งานปริวาสกรรมบ้านนาน้อย 28 มีนาคม 2543

ภัยของพระพุทธศาสนา


อีกประการหนึ่ง  หลวงพ่อได้เกิดสังเวชสลดใจกับศาสนาพุทธอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของเราที่เคยเจริญรุ่งเรืองอยู่ที่ประเทศจีนในสมัยก่อนและพวกอุบาสก  อุบาสิกาของประเทศจีนก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีศรัทธาอันมั่นคงในพุทธศาสนากันแทบทั้งนั้น  ดังตัวอย่างท่านธรรมปาลและพระถังซำจั๋งนั้นท่านได้อุตสาหะพยายามเดินทางบุกป่าฝ่าเขาข้ามน้ำข้ามทะเลไปศึกษาหรือไปอัญเชิญเอาพระไตรปิฎกจากประเทศอินเดียไปเผยแพร่ประเทศจีนจนทำให้ชาวจีนได้รับรสพระอมตธรรมพากันชื่นชมในเนื้อนาบุญของตนจนนานแสนนาน

           แต่ในยุคต่อๆ มา  ก็มีลัทธิอุบาทว์ชาติชั่วอันหนึ่งเกิดขึ้นมาแอบแฝงซึ่งลัทธินี้เป็นลัทธินัตถิกทิฏฐิ  ปฏิเสธบาปบุญคุณโทษ  แต่ปากของพวกเขาพากันโฆษณาชวนเชื่อและพากันพูดว่ามันไม่ได้เป็นนัตถิกทิฏฐิแต่ประการใดๆทั้งสิ้น  ถึงเขาจะปฏิเสธอย่างไรก็ตาม  แต่การประพฤติปฏิบัติหรือการกระทำและข้อความในบทบาทคำสอนของเขานั้น  มันฟ้องหรือมันบ่งบอกว่าเป็นลัทธินัตถิกทิฏฐิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

          ซึ่งเจ้าลัทธิอันมหาประลัยนี้  ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วพิภพแผ่นดินจีนในสมัยนั้น  เขามีนามว่า อิตาเว่ยหล่างและเถรฮวงโปเขาได้วางแผนอันอุบาทว์ชาติชั่วเข้าย่ำยีพระพุทธศาสนาให้สูญชาติขาดกระเด็นไปจากประเทศจีนได้อย่างสมใจเขาแล้ว

           ยกตัวอย่างเช่น  เพียงแต่เถรเว่ยหล่างและเถรเถรฮวงโปเขากระดกลิ้นกะลาวนวางแผนลวงกล  สอนว่า
             พระธรรมเป็นของกลางๆ  เป็นสาธารณธรรมอยู่ในโลกนี้  ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใดผู้หนึ่ง  พระธรรมเป็นของบริสุทธิ์เพื่อมวลมนุษย์  พระธรรมนั้นเขามีอยู่ก่อนแล้ว  พระธรรนั้นเขามีอยู่เช่นนั้นตลอดกาล  เปรียบเสมือนหนึ่งแสงพระอาทิตย์เขาก็ให้แสงสว่างแก่ชาวโลกโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เลย  หรือเปรียบเสมือนหนึ่งสายฝนเขาก็ตกต้องตามฤดูกาลให้ความชุ่มฉ่ำแก่ชาวโลกโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น นี่แหละคือพระธรรมอันบริสุทธิ์มีแต่ให้กับให้  เขาไม่ต้องการให้มนุษย์ตอบแทนบุญคุณของเขาใดๆเลย  เราไม่หวังผลตอบแทนจากใครๆ เลย แม้แต่คำกล่าวว่าขอบคุณหรือขอบใจ  เราก็ไม่ต้องการ

           เถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโปเขาเป็นเสือซ่อนเล็บ  เขาวางแผนอันอุบาทว์ชาติชั่วอยู่ในใจ  เขาวางแผนเล่นลูกไม้หรือใช้ชั้นเชิงอันตื้นๆ เพียงแค่นี้ พวกพระ  เณร เถร ชี  และอุบาสก  อุบาสิกาทั้งหลายทั่วประเทศไทยในยุคนี้ยังตีความหมายอันอุบาทว์ชาติชั่วของเขาไม่ได้

    และแถมยังมีพวกหัวหมอที่อวดตัวเองว่าเป็นปัญญาชนเป็นดอกเตอร์  เป็นนักปราชญ์บัณฑิต ตกเป็นเครื่องมือเครื่องตีนของเขา

          เขาว่าลัทธิเว่ยหล่าง - ฮวงโป  ไม่ได้ยึดมั่นถือมัั่นอะไร  และเป็นนักเสียสละเพื่อชาวโลกจริงๆ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น และเขาก็พากันส่งเสริมเติมแต่ง  ช่วยกันโฆษณาชวนเชื่อและโฆษณาเหยียบย่ำทับถมคณะสงฆ์ไทยให้มันปั่นป่วน วุ่นๆ วายๆร้อนๆ หนาวๆไปตามๆกัน
           ขอให้ท่านผู้อ่านลองเปรียบเทียบกับพุทธพจน์  ลองดูเถิด เช่น  พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

"....ดูกร ภิกษุทั้งหลาย  พระตถาคตทั้งหลายจะเสด็จอุบัติขึ้นมาก็ตาม  ไม่เสด็จอุบัติขึ้นมาก็ตาม  ธรรมหรือธาตุอันนั้นคือ
         
           ธัมมฐิติ  ความตั้งอยู่โดยธรรมดาของดิน  น้ำ  ลม  ไฟ

            ธัมมนิยาม  ความแน่นอนของธรรมดา  คือ การเกิด  แก่  เจ็บ ตาย หรืออนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา

            อิทัปปัจจัย  มูลเหตุอันแน่นอนก็ยังดำรงอยู่  คือเขามีอยู่อย่างนั้น แต่พระตถาคตย่อมตรัสรู้  ย่อมตรัสรู้ทั่วถึงในธรรม ในธาตุอันนั้น..."

            ครั้นแล้วย่อมตรัสบอก  ทรงแสดงบัญญัติ  แต่งตั้ง  เปิดเผย  จำแนก กระทำให้ตื้นและตรัสว่า

             "ท่านทั้งหลายจงมาดูเถิด..."


         ก็เถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโปเขาตรัสรู้เป็นสัพพัญญูเป็นศาสดาแต่เมื่อไร  เขาจึงวางแผนหยิบเอาบางตอนและหยิบเอาแต่ตอนต้นและตอนท้ายของพุทธพจน์  มาเล่นลิ้นกะลาวนตบตาชาวโลก  เพื่อทำลายล้างผลาญพระพุทธศาสนาให้ย่อยยับไปเท่านั้นเอง
         ซ้ำร้ายเข้าไปอีก  ลัทธินี้เขายังพากันใช้อุบายอันลามกสร้างเล่ห์กลกล่าวจ้วงจาบกล่าวประณามท่านพระสารีบุตรผู้มีปัญญาประดุจดังแผ่นดินเขาว่า  พระสารีบุตรชอบไปนั่งเงียบๆ อยู่ตามป่าช้าในเวลาค่ำคืน  มันผิดพุทธประสงค์

      โธ่เอ๋ย  เถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโป

       เขาไม่รู้ความหมายของการเป็นพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะกิเลสเสียแล้วอันนี้มันก็เป็นธรรมดาอันวิเศษของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว ทุกภพทุกชาติที่ผ่านมาท่านได้ทนทุกข์ทรมานเวียนว่ายตายเกิดไปกับกระแสทุกข์กระแสกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานลงได้แล้ว  มันก็เป็นธรรมดาอันวิเศษของท่าน  เมื่อถึงเวลาว่างจากการสั่งสอนชาวโลก  ท่านก็หาเวลาเข้าเสวยวิมุตติสุขตามคุณวิเศษของท่าน  คือ ท่านจะเข้าอยู่ในองค์ฌานนิโรธสมาบัติเป็นประจำทุกๆพระองค์

         โธ่เอ๋ยอีตาเถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโป  ยังกล้าประณามปัญญาของพระสารีบุตรผู้มีปัญญาประดุจดังแผ่นดิน  เรื่องนี้หลวงพ่อขอรับประกันล้านเปอร์เซ็นต์  คือถ้าเถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโปเขาเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา  เขาจะไม่กล้ากล่าวจ้วงจาบพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเป็นอันขาด  ธรรมดาอุบายอันเป็นอริยภูมิของพระอริยบุคคล  ท่านย่อมจะเชิดชูบูชาพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรกันทั้งนั้น  ถ้าใครกล่าวจ้วงจาบมันก็ผิดวิสัยของอริยภูมิเสียแล้ว ขออภัยโทษ อย่าหาว่าหลวงพ่อประณามเขาเกินไป หลวงพ่อพูดเพื่อปกป้องพุทธคำสอนอันวิเศษสูงสุดของพวกเราเท่านั้น

         คือ  มาตรแม้นว่าจะรวบรวมเอาสติปัญญาของเถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโปและเถรโพธิธรรม ซึ่งเป็นศาสดาอลัชชีขี้ครอกของเขามารวมกันเข้าจนหมดไส้หมดพุงของลัทธิอุบาทว์อันนี้  มันก็ไม่เท่าเศษนำ้ลายของพระสารีบุตรที่ท่านถ่มทิ้งลงในกระโถนหรอก
         จะสังเกตได้ตามปกรณ์หรือตามบทคาถาภาษิตของท่านพระสารีบุตรที่ท่านจารึกไว้ในพระไตรปิฎก  และเปรียบเทียบกับคำสอนของเถรเว่ยหล่างและเถรฮวงโป  มันห่างไกลกันคนละฟากฟ้าฟากดินเลยทีเดียว นอกเสียจากว่าคนจะตีความหมายได้หรือไม่ได้เท่านั้นเอง

และภาษิตหรือคำสอนของท่านพระสารีบุตรเป็นของบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีกิเลสเจือปน แต่คำสอนของเถรเว่ยหล่างและฮวงโปมันเป็นแต่เพียงปรัชญา หรือเป็นคำคมที่เจือปนไปกับกองกิเลส เพื่อพูดวกวนข่มผู้ฟังและข่มคู่ต่อสู้หรือใช้ลิ้นกะลาวนเพื่อเอาชนะผู้ฟังและเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยไหวพริบตามชั้นเชิงของปรัชญาอันเหนือเมฆเท่านั้น
ระหว่างคำสอนของผู้ไม่มีกิเลส  กับคำสอนของพวกมีกิเลส อันไหนมันจะวิเศษกว่ากัน ก็ขอให้ท่านผู้อ่านจงลองใช้วิจารณญาณสังเกตดูเอาเถิด
หลวงพ่อจะขายโง่ให้ฟัง
คือ หลายปีที่ผ่านมาหลวงพ่อมันโง่เต็มเปา ไปซื้อตำราแบบเว่ยหล่างและฮวงโปมาศึกษา และก็ได้ปฏิบัติแบบเว่ยหล่างและฮวงโปอย่างเอาจริงเอาจัง พยายามปล่อยวางว่างเปล่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น แล้วก็พยายามทำจิตใจให้มันว่าง ๆ อย่างเขาว่านั้นแหละนะ และก็ไปติดแหงกอยู่กับคำพูดของเว่ยหล่าง ประโยคหนึ่งที่เขาห้ามเอาไว้อย่างเด็ดขาด
ทำให้หลวงพ่อปฏิบัติธรรมล่าช้าไปตั้งสามปีเต็ม ๆ
เมื่อเห็นท่าจะไปไม่รอดจึงได้ตัดสินใจ ฝ่าฝืนกฎบัญญัติที่เว่ยหล่างห้ามเอาไว้ทันที หลวงพ่อจึงได้บรรลุถึงเป้าหมายของพระพุทธศาสนา  บัดนี้หลวงพ่อได้รู้เช่นเห็นชาติของเขาเสียแล้ว ว่าเขาเป็นแต่เพียงตัวหนอนบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของพวกเราอย่างจงใจเท่านั้นเอง
ไม่ต้องจำปงจำเป็นกล่าวไปถึงมรรคถึงผลให้มันเมื่อยปากหรอก เพียงแต่เรื่องวิสัยธรรมดาสามัญของชาวโลกทั้งหลาย คำสอนอันมหาประลัยของเถรเว่ยหล่างนั้นมันผิดหลักธรรมดาของโลกนิยมไปหมดสิ้น แต่สำหรับธรรมะของแสงแดดกับสายฝนนั้น เขาเป็นธรรมชาติที่ไม่มีชีวิตจิตใจเหมือนคนเรา
แต่สำหรับคนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ จำเป็นอย่างยิ่ง คือ คนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หรืออุปัฎฐากอุปถัมภ์บำรุงหรืออนุเคราะห์สงเคราะห์ซึ่งกันและกันไปตามประเพณีอันดีงามของชาวโลก
ธรรมดาจารีตประเพณีอันดีงามของชาวโลกนั้น พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสอนอย่างเด่นชัดไว้แล้วซึ่งมีอยู่ในนวโกวาท คือ บุคคลหาได้ยากสองจำพวกนั้นยังไง พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้เป็นคู่ ๆ กันไว้ดังนี้
                ๑. บิดามารดา  ท่านได้เลี้ยงบุตรธิดามา พยายามให้การศึกษา หาหน้าที่การงานให้และแบ่งทรัพย์สินมรดกให้ลูก ๆ ทุกคนอยู่ดีมีสบายถึงบิดามารดาจะไม่หวังผลตอบแทนจากลูก ๆ เมื่อบิดามารดาแก่เฒ่าชราลง เลี้ยงตัวเองไม่ได้ บิดามารดาก็จะบอกลูก ๆ ทุก ๆ คนว่า  
ถ้าพ่อแม่เลี้ยงตัวเองไม่ได้ก็ตามเถอะ เราไม่ต้องการให้ลูก ๆ มาเลี้ยงเรา เพราะเราไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร แม้แต่คำกล่าวจากลูก ๆ ว่า ขอบคุณหรือขอบใจ เราก็ไม่ต้องการ ถึงเราจะเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็จะขอตายอยู่คนเดียวเราหรอก พวกเธอจะพากันหนีไปไหนก็ไปเถอะ
บิดามารดาประเทศไหนท่านก็คงไม่พูดเช่นนี้เป็นอันขาด เพราะมันผิดวิสัยหรือผิดจารีตประเพณีอันดีงามของชาวโลก
                ๒. ครูบาอาจารย์ท่านก็มีเมตตาธรรม  มีหน้าที่อบรมสั่งสอนสานุศิษย์ ข้อนี้หลวงพ่อจะหมายเอาครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยบุคคลมาเปรียบเทียบ เมื่อครูบาอาจารย์ท่านมีเมตตาธรรมแนะนำพร่ำสอนสานุศิษย์ให้ถึงมรรคถึงผล จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์เป็นร้อย ๆ พัน ๆ องค์แล้ว เมื่อยามครูบาอาจารย์แก่เฒ่าชราลง ด้วยกฎแห่งธรรมชาติของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ครูบาอาจารย์ก็จะบอกว่า 
สานุศิษย์ทั้งหลายเอ๋ย  เราไม่ต้องการให้พวกเธอมาอุปถัมภ์อุปัฏฐากเรา และเราไม่ต้องการให้พวกเธอมาปรนนิบัติเรา ถึงเราจะเจ็บไข้ได้ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ตามเถอะ เราจะขอนอนตายเงียบ ๆ อยู่คนเดียวเราหรอก พวกเธอจะไปไหนก็พากันไปให้มันพ้น ๆ เถอะ เพราะเราไม่ต้องการผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่คำกล่าวว่าขอบคุณหรือขอบใจจากสานุศิษย์เราก็ไม่ต้องการได้ยิน
ครูบาอาจารย์โลกไหนท่านก็คงไม่พูดเช่นนี้แน่นอน ถ้าพูดเช่นนี้มันก็เป็นการบอกกลกระรอก บอกสานุศิษย์ให้เป็นคนอกตัญญู เหยียบหัวครูบาอาจารย์เท่านั้นเอง
๓. พระมหากษัตริย์  พระองค์ก็มีพระราชกรณียกิจออกเยี่ยมเยียนหรือออกตรวจตราบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรของพระองค์ให้อยู่เย็นเป็นสุขทั่วประเทศ และพสกนิกรทั่วประเทศก็มีหน้าที่พากันถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ และช่วยกันเสียภาษีอากร และช่วยกันถวายให้เป็นพระราชกุศลเพื่อให้พระองค์ได้นำไปพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อ ๆ ไป คงไม่มีพระมหากษัตริย์โลกไหน ๆ หรอกที่พระองค์จะตรัสกับราษฎรว่า
เราไม่ต้องการให้ใคร ๆ มาถวายความจงรักภักดีต่อเรา เราไม่ต้องการภาษีอากรจากใคร ๆ เราไม่ต้องการให้ใคร ๆ มาถวายเป็นพระราชกุศลเพราะเราไม่หวังผลตอบแทนจากใคร ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่คำกล่าวว่าขอบคุณหรือขอบใจเราก็ไม่ต้องการ
หลวงพ่อขอรับประกันว่า คงไม่มีพระมหากษัตริย์ของประเทศไหน ๆ หรอกที่พระองค์จะมีพระราชดำรัสเช่นนี้ ถ้าพระมหากษัตริย์ของประเทศใดมีพระราชดำรัสเช่นนี้มันก็เท่ากับตรัสสั่งให้ราษฎรเป็นกบฏต่อแผ่นดินเท่านั้นเอง
๔. สมณพราหมณ์ หรือภิกษุ สามเณรผู้ทรงศีล  ท่านก็มีหน้าที่อบรมสั่งสอนอุบาสก อุบาสิกา ให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงามมีการให้ทานรักษาศีลเจริญสมาธิภาวนา เพื่อสร้างสมอบรมบารมีธรรม เพื่อนำชีวิตจิตใจให้เพิ่มพูนวาสนาบุญญาธิการตามเยี่ยงอย่างของพระสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อจะได้เป็นสะพานแก้วสะพานทองรองรับเนื้อนาบุญแห่งตนในภพชาติต่อ ๆ ไป
และอุบาสก อุบาสิกาก็มีหน้าที่อุปัฏฐากอุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสามเณรด้วยปัจจัยสี่ คือ อาหารบิณฑบาต จีวร เครื่องนุ่งห่ม เสนาสนะ ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค หลวงพ่อขอรับรองว่าคงไม่มีพระภิกษุ สามเณรประเทศไหน ๆ หรอกที่ท่านจะบอกอุบาสก อุบาสิกาว่า พวกท่านอย่ามาใส่บาตรให้เรากินเลย อย่ามาอุปถัมภ์บำรุงเราเลย เราเป็นผู้ให้กับให้เท่านั้น เราไม่หวังผลตอบแทนจากใคร ๆ เป็นอันขาด แม้แต่คำกล่าวว่า ขอบคุณหรือขอบใจเราก็ไม่ต้องการได้ยิน
ถ้าสมมุติว่าพระ เณร ทั่วประเทศไทย เกิดสติฟั่นเฟือนพากันพูดวิปลาสเช่นนี้ทั้งหมด เดี๋ยวก็จะพากันท้องแห้งอดตายไม่รู้ด้วยนะ อย่าหาว่าไม่เตือน ถ้าพระเณรเถรชีเกิดพากันอุตริเสียสติพูดฟั่นเฟือนแบบนี้พระพุทธศาสนาก็จะถึงกาลอวสานไปจากผืนแผ่นดินไทยเท่านั้นเอง
และลัทธิที่เขามีสติฟั่นเฟือนเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ มันก็คือลัทธิของเปรตเว่ยหล่างนั่นเอง และเปรตเว่ยหล่างเขายังอุตริบัญญัติสิ่งที่พระศาสดาไม่ได้ทรงบัญญัติเอาไว้ เช่น เขาจงใจสร้างอกุศโลบายบัญญัติขึ้นมาว่า
การไม่ให้ทานก็บรรลุถึงพระนิพพานได้
เรื่องนี้พวกที่ถูกหัวเลขของเปรตเว่ยหล่าง ก็พลอยฟ้าพลอยฝนตกเป็นเครื่องตีนให้เขาอย่างออกหน้าออกตาเลยทีเดียว และก็มีตาเถรที่มีชื่อเสียงโด่งดังก้องฟ้าเมืองไทยหลาย ๆ องค์ ตกเป็นเหยื่อของลัทธิอันอุบาทว์ชาติชั่วนี้ด้วย แต่หลวงพ่อจะไม่เอ่ยนามถึงเขาหรอก แต่หลวงพ่อจะขอเปรียบเทียบให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเอาตามเหตุตามผลอันแท้จริงลองดู
ยกตัวอย่าง  เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว และในตอนพระพุทธองค์ออกจาริกแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกอยู่ในชมพูทวีปนั้น ถ้าบังเอิญคนในประเทศอินเดียในยุคนั้นไม่มีใครใส่บาตร ไม่มีใครทำทานให้พระองค์เลย แม้แต่ข้าวก้อนเดียวหรือทัพพีเดียวก็ไม่มีใครใส่บาตรให้พระองค์เลย ถ้าเป็นดังว่ามานี้ พระอริยสาวกนับตั้งแต่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า ตลอดถึงพระโมคคัลลา สารีบุตร และพระอริยบุคคลองค์อื่น ๆ นั้นจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะเมื่อพระพุทธองค์ไม่มีพระกระยาหารจะเสวย จำเป็นอย่างยิ่งพระองค์ก็จะต้องเสด็จกลับไปอาศัยเลี้ยงชีวิตอยู่กับพระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดาแห่งเดียวไปตลอดพระชนม์เท่านั้นเอง และคำว่าพระพุทธศาสนาจะมีชื่อขึ้นมาได้อย่างไรกัน
และอีกประเด็นที่สำคัญยิ่งยวดอันหนึ่ง คือ ในเมื่อ พ.ศ.ประมาณ ๕๐๐ นั้น  ตามข่าวก็บอกว่า พระอุตตระเถระและพระโสณะเถระพร้อมทั้งบริวาร ได้เข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยของเรา ถ้าบังเอิญในตอนนั้นบรรพบุรุษของไทยเราไม่พากันบริจาคทานให้ท่านเลย แม้แต่ข้าวก้อนเดียวหรือทัพพีเดียวก็ไม่พากันใส่บาตรให้ท่านเลย ถ้าเป็นดั่งว่ามานี้มันก็จำเป็นอย่างยิ่ง คณะของพระอุตระเถรและพระโสณะเถระพร้อมทั้งบริวารก็จะต้องยกทัพเทวัญกลับคืนสู่ประเทศอินเดียเท่านั้นเอง และคำว่าพระพุทธศาสนาจะมาตั้งมั่นอยู่กับประเทศไทยของเราได้อย่างไรกัน
ฉะนั้น หลวงพ่อจึงขอวิงวอนกับท่านผู้มีวาสนาบุญญาธิการ จงได้ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองตามโอวาทของพระศาสดาให้รอบคอบทุก ๆ ประการเถิด และคำว่าบารมี ๑๐ ทัศน์นั้น ก็มีทานบารมีนั่นแหละเป็นประธานในข้อแรก
แต่เปรตเว่ยหล่างเขามีอุดมการณ์อันลึกซึ้งเหนือเมฆ เขาวางแผนอันแสนชั่วช้าสามานย์บ่อนทำลายจองล้างจองผลาญพระพุทธศาสนาเพื่อให้สิ้นซากไปจากผืนแผ่นดินให้จงได้ เขาจึงใช้คำคมจากปรัชญาอันเหนือเมฆเข้าหว่านล้อมเพื่อมิให้ชาวโลกทำบุญทำทานกับภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา  เมื่อไม่มีใครอุปถัมภ์บำรุงหรือทำบุญทำทานให้กับภิกษุ สามเณร พระพุทธศาสนาก็ถึงกาลอวสานไปจากแผ่นดินจีนเท่านั้นเอง  นี่แหละคือสันดานธาตุแท้ของเปรตเว่ยหล่าง และพวกที่ตกเป็นเครื่องตีนของเปรตเว่ยหล่างนั้น เขาก็พากันอธิบายธรรมะแบบงู ๆ ปลา ๆ แบบผิด ๆ ถูก ๆ ออกโฆษณาชวนเชื่อพิมพ์อุดมการณ์ออกทำมาค้าขายเป็นธรรมพาณิชย์เป็นพุทธพาณิชย์อย่างขึ้นหน้าขึ้นตาอยู่แล้ว และบางสำนักก็ทำการค้าขายแข่งขันกับฝ่ายโลกอีกด้วย
อันเรื่องกิจวัตรออกเที่ยวบิณฑบาตโปรดสัตว์ตามเยี่ยงอย่างของพระพุทธองค์นั้นอย่าไปพูดถึงเขาเลย เพราะเขาเป็นคนนอกคอกพระธรรมวินัยเสียแล้ว เพียงแต่เขากอบโกยเอาผลประโยชน์จากการค้าขายไปเลี้ยงลำไส้ของเขามันก็เหลือเฟืออยู่แล้ว แถมบางองค์ยังมีเงินฝากธนาคารเป็นหลาย ๆ สิบล้านด้วยซ้ำไป แต่ปากอันโสโครกของเขาชอบพากันพูดโป้ปดมดเท็จว่าเราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอะไร เราเป็นผู้ให้กับให้เท่านั้นเอง
ฉะนั้น คำสอนหรืออุดมการณ์ชนิดที่ว่า ไม่ให้ทานก็ถึงนิพพานได้นั้น มันจึงเป็นอุดมการณ์มิจฉาคำสอนจากศาสดาหน้าโง่องค์ใหม่และมันก็เป็นคำสอนของพวกสัตว์นรกอย่างชัด ๆ นี้เอง
ยิ่งหนักหน่วงเหมือนปวงมารผลาญบรรลัยให้หนักมือยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก หนัก ๆ เข้าพวกที่ตกเป็นเครื่องมือเครื่องตีนของหมอเว่ยหล่างนั้น ก็พากันฟั่นเฟือนวิปลาส พูดซ้ำเติมว่า
พระไม่ได้อยู่ที่จีวร จีวรก็ไม่ใช่พระ พระอยู่ที่จิตใจอันเป็นพุทธะที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเท่านั้น
พูดแบบนี้ ถ้าฟังแบบผิวเผินแบบไม่มีปัญญาไตร่ตรองหยั่งรู้อดีต อนาคตให้รอบคอบให้ถูกต้องตามโอวาทของพระศาสดาเสียก่อนก็จะเข้าใจว่าผู้พูดเขามีปัญญาอันแหลมคมมาก
หลวงพ่อจะขอเตือนบอกไว้ นี่แหล่ะคือเล่ห์กลอันอุบาทว์ชาติชั่วสารเลวอันหนึ่งที่หมอเว่ยหล่างจองล้างจองผลาญพระพุทธศาสนาให้สูญซากไปจากแผ่นดินจีนเป็นผลสำเร็จอันงดงามมาแล้ว
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า
พระภิกษุ สามเณรผู้บวชเข้ามานุ่งห่มผ้าเหลืองหรือผ้ากาสาวพัสตร์นั่นแล เป็นผู้บวชอุทิศตนเข้ามาประพฤติพรหมจรรย์เพื่อกระทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ และก็จะเป็นผู้นำชาวโลกสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวเพื่อชาวโลกต่อ ๆ ไป
และพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า
ผ้ากาสาวพัสตร์ของเราเป็นธงชัยของพระอรหันต์
อันอยู่ในฆราวาสวิสัยนั้นมันเป็นทางคับแคบ
เป็นทางไหลมา ซึ่งธุลีมลทินทั้งหลายมิได้ขาด
จะประพฤติพรหมจรรย์ให้หมดจดเหมือนสังข์ขัดนั้นคงทำไม่ได้
ก็หมอเว่ยหล่าง หมอจงใจเหยียบโอวาทพระศาสดาของพวกเราอย่างเด่นชัดทีเดียว พวกบริวารอันโสโครกที่พากันถูกหัวเลขหางเลขของหมอก็เลยพากันพูดแบบสติฟั่นเฟือนเหมือนศาสดาเว่ยหล่างของเขาทั้งนั้น
และถ้าหากภิกษุสามเณรรูปใดที่อยู่ในเมืองไทยนี้พากันวิปลาสเข้าใจว่าพระเณรไม่มีความสำคัญอยู่ที่จีวร หรือไม่มีความหมายใด ๆ อยู่กับจีวรจริง ๆ แล้ว ขออภัยกับท่านผู้อ่านด้วย หลวงพ่อจะขอพูดเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาของเราเท่านั้น
ขอให้ภิกษุสามเณรทุก ๆ รูปที่เข้าใจวิปลาสอย่างนั้นมาทดสอบกับหลวงพ่อโลกอุดร จะพิสูจน์กันที่บ้านไหน ตำบลไหน อำเภอไหน หรือจังหวัดไหนก็ได้ ซึ่งเป็นบ้านเมืองของชาวพุทธเรา เมื่อถึงเวลาเข้าออกบิณฑบาตหลวงพ่อจะโยนเสื้อโยนกางเกงให้เขานุ่งทุก ๆ คน  แล้วหลวงพ่อจะนุ่งสบงจีวรของพระพุทธองค์นี่แหละไปบิณฑบาตแข่งกัน  ใครจะท้องแห้งท้องเต็มกว่ากัน หลวงพ่อกะคะเนว่า พวกที่นุ่งเสื้อ นุ่งกางเกงไปบิณฑบาตนั้นมันจะไม่ท้องแห้งเปล่า ๆ อย่างเดียวนะซิ แถมพวกชาวบ้านเขาจะพากันสั่งขี้มูก ถ่มน้ำลายรดหน้าผากเอาด้วยซ้ำไป
อันผ้าเหลืองหรือผ้ากาสาวพัสตร์นั้น ถึงเขาจะเป็นของที่ไม่มีชีวิตจิตใจก็จริงอยู่ แต่ก็เสมือนหนึ่งเขาเป็นผ้าเหลืองอันศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพแฝงอยู่ในนั้นอย่างยิ่งใหญ่ไพศาล และยังสามารถบันดาลให้ผู้ที่ได้พบได้เห็นให้เกิดศรัทธาปสาทะ มีจิตใจอ่อนน้อมถ่อมตนลงได้อย่างน่าพิศวง นอกเสียจากว่าผู้ที่ได้พบได้เห็นผ้าเหลืองนั้น หรือได้เข้ามานุ่งห่มผ้าเหลืองนั้น เขาเป็นสายเลือดของอเวไนยสัตว์ ผู้มาบอดไปบอดหรือผู้มามืดอยู่มืด ไปมืดเสียแล้ว จึงจะมีจิตใจเป็นทมิฬหินชาติแล้วจะมองเห็นแบบกงจักรเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดี เห็นกาลีเป็นโพธิ์ทอง
หลวงพ่อจะขอบอกมหากุศลอันวิเศษสูงสุดอย่างหนึ่งว่า คือในชีวิตของผู้ใดก็ตาม ถ้าผู้ใดกล่าวจ้วงจาบเหยียบย่ำทับถม ดูหมิ่นดูแคลนผ้ากาสาวพัสตร์ ซึ่งเป็นธงชัยของพระอรหันต์ ก็แปลว่าผู้นั้นเขาสูญซากจากมรรคผลนิพพานไปทันทีที่เขากล่าวจ้วงจาบนั้นเอง และเขาจะหมดวาสนาบารมีกับพระพุทธศาสนาลงเพียงแค่นั้น แต่ถ้าท่านผู้ใดได้เคยสร้างสมอบรมบารมีธรรมมาแล้วอย่างเต็มเปี่ยม ท่านผู้นั้นจะไม่กล้ากล่าวจ้วงจาบผ้ากาสาวพัสตร์เป็นอันขาด
เปรียบเสมือนหนึ่งธงชาติ ซึ่งเป็นเครื่องหมายอันสูงสุดประจำประเทศไทยของเรา ก็ลองใครกล่าวดูหมิ่นเหยียดหยามประณามให้เสียหายหรือลองเอามาฉีกทิ้งเผาไฟ หรือเหยียบย่ำด้วยเท้าของตนดูซิ จะได้พากันเข้าไปนอนอยู่ในกรงนกอีแก้วโดยไม่รู้ตัว
เมื่อศาสดาเว่ยหล่างใช้เล่ห์กลลูกไม้ของคำคมจากปรัชญาอันเหนือเมฆมาเล่นลิ้นกะลาวนทำให้คนปัญญาแก่เห็นดีเห็นงามไปด้วย หนัก ๆ เข้าเมื่อชาวจีนในสมัยนั้นเห็นดีเห็นงามไปกับหมอ ก็เลยไม่ค่อยมีคนบวชเป็นภิกษุสามเณรล้นหลามเหมือนแต่ก่อน เพราะเขามีมานะทิฏฐิอันร้ายแรงเขาถือว่าพระเกิดอยู่ที่ใจอย่างเดียวเท่านั้น จะอยู่ในเพศใด ๆ หรืออาชีพใด ๆ ก็เป็นพระได้ทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเครื่องแบบ จีวรใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะจีวรเป็นแต่เพียงผ้าเฉย ๆ เขาจะไปรู้เรื่องอะไร หนัก ๆ เข้าคนก็เลยไม่บวชกันเสียเลย เมื่อประเทศชาติขาดพระภิกษุ สามเณรผู้ทรงศีลทรงธรรม พระพุทธศาสนาก็ถึงกาลอวสานไปจากแผนดินจีนเท่านั้นเอง
และน่าสังเวชสลดใจเป็นอย่างยิ่ง คือ ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ ประเทศจีนนั้น ก็พลอยได้รับอิทธิพลหรือพลอยได้รับหัวเลขหางเลขของศาสดาเว่ยหล่างไปด้วย อยู่ดี ๆ ก็อุตริพากันเกิดปัญญาแก่ เกิดมีจิตใจแข็งกระด้างต่อพระพุทธศาสนาอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของตน จนในที่สุดพระพุทธศาสนาก็ถึงกาลอวสานไปจากประเทศชาติเช่นเดียวกับประเทศจีน
อันนี้ก็เป็นคติเตือนใจของพุทธบริษัทอยู่ในประเทศไทยของเราให้พร้อมใจกันเตรียมการหาทางป้องกันล่วงหน้าเอาไว้ อย่าให้ภัยอุบาทว์เช่นนั้นมันเกิดขึ้นมาได้  ถ้ามัวแต่ธุระไม่ใช่ พุทธวงศ์ของเราก็จะเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าเท่านั้นเอง
เท่านี้ยังไม่พอ พวกปัญญาแก่ที่โชคดีได้ถูกหัวเลขและได้ถูกหางเลขของศาสดาเว่ยหล่างนั้น เขาก็จะพากันวิปลาสพูดซ้ำเติมเข้าไปอีก
พระไม่ใช่โบสถ์ โบสถ์ไม่ใช่พระ พระพุทธศาสนาก็ไม่ใช่โบสถ์วิหาร พระมันอยู่ที่ใจอยางเดียวเท่านั้น
แต่พวกพระปัญญาแก่ที่อยู่ในประเทศไทยของเรา ที่โชคดีได้พากันถูกหัวเลขหางเลขของศาสดาเว่ยหล่างนั้น หัวกระบาลของเขาเหล่านั้นเขาก็พากันบวชสำเร็จออกมาจากพระอุโบสถกันทั้งนั้น แต่พวกเขามันเมาหัวเลขหางเลขเสียแล้ว จึงพากันกล่าวเหยียดหยามเนรคุณแม้กระทั่งวัตถุอันเป็นสิริมงคลสูงสุดในพระพุทธศาสนาของตน
แต่ถึงจะสวดมสมมุติเป็นสีมาชั่วคราวทำสังฆกรรมหรือบวชที่ไหน ๆ ก็ได้ก็จริงอยู่ แต่มันก็ทำให้ชาวพุทธของเราไม่เกิดศรัทธาปสาทะอันแก่กล้ามั่นคงเหมือนกับบวชอยู่ในพระอุโบสถได้เลย
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า หลวงพ่อมีจิตคิดยุยงส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณรออกเรี่ยไรเบียดเบียนชาวบ้านแต่ประการใด ๆ ทั้งสิ้น  การสร้างศาสนาวัตถุอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในพระพุทธศาสนานั้น ถ้าหมู่บ้านใด ตำบลใด อำเภอใด จังหวัดใด หรือคณะศรัทธาใด ๆ เกิดศรัทธาปสาทะเพื่อจะต่อเติมเสริมส่งบุญวาสนาบารมีของตน เพื่อจะได้เป็นเนื้อนาบุญรองรับตนเองในภพชาติต่อ ๆ ไป ถ้าจะรวบรวมกำลังศรัทธาบริจาคอุทิศสร้างไว้ ณ วัดใดวัดหนึ่งก็ให้แล้วแต่ศรัทธาเถิด
ถ้าสมมุติว่าอยู่ในวัดวาอารามทุก ๆ วัด ที่อยู่ในประเทศไทยนี้ไม่มีโบสถ์ ไม่มีวิหาร ไม่มีกุฏิ ไม่มีศาลาแม้แต่หลังเดียวอยู่ในประเทศไทย พระพุทธศาสนาก็บรรลัยไปจากประเทศไทยเท่านั้นเอง
ส่วนการใส่ร้ายป้ายสี การสร้างโบสถ์วิหารนั้นมันเป็นการสร้างภาพพจน์อันเลวร้ายของพวกที่ตกเป็นเครื่องมือเครื่องตีนของศาสดาเว่ยหล่างที่เขาพยายามจองล้างจองผลาญพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ซ้ำร้ายอย่างยิ่งเข้าไปอีก เขายังจงใจ กล้ากล่าวจ้วงจาบพระปฏิมากร อันเป็นนิมิตรูปเหมือนพระพุทธองค์ เขาว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่ทองเหลือง พระพุทธเจ้าไม่ใช่ทองแดง พระพุทธเจ้าไม่ใช่อิฐ ไม่ใช่ปูน พระพุทธเจ้าจะเข้าถึงได้เห็นได้ด้วยใจอันบริสุทธิ์ของเราอย่างเดียวเท่านั้น
พูดเช่นนี้ พวกถูกหางเลขยิ่งพากันวิปลาสสติฟั่นเฟือนเข้าไปอีก เขาพูดสุดโต่งฝ่ายเดียว เขาหารู้ไม่ว่าอุปนิสัยของปวงสัตว์อยู่ในโลกนี้
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสบอกไว้อย่างเด่นชัดแล้วว่าเหมือนดอกบัวสี่เหล่า ถ้าจะให้มีแต่ธรรมะอันเป็นตัวมรรคผลนิพพานล้วน ๆ ฝ่ายพระภิกษุ สามเณรผู้มีอินทรีย์ยังหย่อนต่อมรรคผลพระนิพพาน และฝ่ายอุบาสก อุบาสิกาทั่วประเทศ ก็จะพากันขาดที่พึ่ง ที่ระลึกทางใจเท่านั้นเอง
ก็พวกปัญญาแก่ที่ตกเป็นเครื่องมือเครื่องตีนของเถรเว่ยหล่างนั้นเขาจะไปรู้เรื่องดอกบัวสี่เหล่า ห้าเหล่าอะไร ถ้ารู้ก็คงจะรู้แต่ตัวหนังสือนั่นแหละเพราะปัญญาของคนที่ถูกหัวเลขนั้น  มันแก่หมอกแก่แดดเกินไป แก่จนกระทั่งออกฤทธิ์แดงหัวแข็ง กำแหงตัว พากันเหยียบหัวพระพุทธรูปไปเลย
ก็การสร้างพระพุทธรูปนั้น ชาวพุทธของเรานิยมสร้างไว้เพื่ออุทิศให้เป็นรูปจำลองแทนตัวจริงของพระพุทธองค์ พอให้พากันได้กราบไหว้บูชา พากันระลึกให้เป็นพุทธานุสสติ เพื่ออบรมบ่มนิสัยให้เกิดศรัทธาปสาทะให้แก่กล้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป และจะได้เป็นเนื้อนาบุญของตนเองในภพชาติต่อ ๆ ไป สมมุติว่าทุก ๆ วัดที่อยู่ในประเทศไทยนี้ไม่มีพระพุทธรูปแม้แต่องค์เดียวเลย พระพุทธศาสนาก็ถึงกาลอวสานไปจากแผ่นดินไทยเท่านั้นเอง และแผนการอันอุบาทว์ชาติชั่วสารเลวที่เขากล่าวประณามหยามหมิ่นพระพุทธรูปเช่นนี้และเล่ห์กลเช่นนี้ศาสดาเว่ยหล่างเขาได้จองล้างจองผลาญพระพุทธศาสนาให้พินาศขาดกระเด็นไปจากแผ่นดินจีนมาแล้วเป็นตัวอย่าง
เมื่อท่านผู้อ่านได้รู้ซึ้งถึงเงาหัวของศาสดาเว่ยหล่างมาพอย่อ ๆ แล้ว ก็จงพากันใช้วิจารณญาณให้มันถูกต้องตามโอวาทของพระศาสดาด้วย
ขอย้ำเตือนอีกว่า สำหรับเขาจะมุ่งเข้าไปเฉพาะเจาะจงเอาแต่จิตใจนั้นมันผิดหลักสัจธรรมของนักบวชในพระพุทธศาสนา เปรียบเสมือนหนึ่งต้นไม้ ถ้าไม่มีกระพี้ไม่มีเปลือกห่อหุ้มเอาไว้ แก่นของต้นไม้มันจะเกิดมีขึ้นมาได้อย่างไร
หรือเปรียบเสมือนหนึ่งน้ำยาโอสถขนานวิเศษ ถ้าไม่มีขวดหรือมีภาชนะอันมั่นคงห่อหุ้มเอาไว้ ตัวยาขนานวิเศษนั้นมันก็จะระเหยทิ้งหมดเท่านั้นเอง
ฉันใดก็ฉันนั้น พระภิกษุ สามเณรก็เหมือนกัน ต้องมีข้อวัตรปฏิบัติห่อหุ้มเอาไว้หรือมีศีล สมาธิ ปัญญาวิมุติห่อหุ้มเอาไว้ เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่าเป็นสมณะผู้ออกบวชแสวงหาความสงบที่แท้จริง
ถ้าภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาไม่มีเครื่องหมายของจีวรบ่งบอกเอาไว้ ถึงจะสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์อันหลากสี มียี่ห้ออันเลอเลิศประเสริฐฟ้าขนาดไหน และถึงจะเป็นเสื้อกางเกงที่มีราคาเฉียดล้านก็ตามเถิดเพราะยี่ห้อของเสื้อผ้ากางเกงนั้นเขาเป็นธงชัยของกามคุณมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีแต่จีวรเท่านั้นแหละที่เป็นธงชัยของพระอรหันต์และเป็นธงชัยอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาอีกด้วย
และอีกประการสำคัญยิ่งประเด็นหนึ่งที่ลัทธิอุบาทว์ชาติชั่วสารเลวที่เถรเว่ยหล่างเขาบัญญัติขึ้นมา แต่เขาอุตริไปอ้างอิงเอาพระมหากัสสปะเถระมาเป็นประมุขต้นลัทธิของเขา หรือมาเป็นต้นสายนิกายเซ็นของเขานั้น เขาโมเมบัญญัติขึ้นมาจากอุดมการณ์อันโสโครกของเขาเท่านั้น มันไม่มีหลักฐานอะไรอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งสิ้น เขาจงใจบัญญัติขึ้นมาตามอุดมการณ์ของเขาเพื่อตบตาชาวพุทธของเราให้เข้าใจไขว้เขวออกนอกลู่นอกทางเท่านั้น
ถ้าสมมุติว่าท่านพระมหากัสสปะเป็นประมุขหรือเป็นต้นลัทธินิกายเซ็นของเขาจริงๆแล้ว ก็ทำไมสาวกรุ่นต่อ ๆ มาจึงไม่พากันดำเนินรอยตามพระมหากัสสปะ เพราะพระมหากัสสปะนั้นท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นวัตร คือ
                ๑. ถือทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร
                ๒. ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
                ๓. ถืออยู่ป่าเป็นวัตร
                ก็เถรเว่ยหล่างเขาทำนอกคอกจากพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว และพวกเขาก็ไม่ได้ถือบิณฑบาตเลี้ยงชีพเป็นวัตรเหมือนกับพระมหากัสสปะแต่ประการใด  หนัก ๆ เข้าเขาก็พากันทำไร่ไถนาตำข้าวกินเอง และพากันทำไร่ทำสวนเหมือนกับชาวบ้านทั่ว ๆ ไป และด้วยเล่ห์กลจากอุดมการณ์จองล้างจองผลาญพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งของเขา คนรู้ไม่เท่าทันก็เลยพากันเข้าใจว่าเขาเป็นผู้ไม่เบียดเบียนชาวบ้าน เขาทำตนอุทิศต่อชาวโลกโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อพระพุทธศาสนาได้สูญซากไปจากประเทศจีน ชาวพุทธจึงได้อ้าปากหวอ แต่มันก็สายเสียแล้ว

                ซ้ำเติมเข้าไปอีก คือ บางตำราของฝ่ายจีนเขาก็โมเมอุตริบัญญัติขึ้นมาว่า พระหากัสสปะเถระท่านไปดับขันธ์ปรินิพพานอยู่ในภูเขาน่ำไฮ้ ที่เมืองปักกิ่ง ซึ่งมันขัดกับหลักความเป็นจริงตามจารึกไว้ในพระไตรปิฎกของฝ่ายเรา ว่าท่านมหากัสสปะท่านดับขันธ์ปรินิพพานอยู่ ณ ระหว่างกลางกุกกุฎสัมปาตบรรพตภูเขาคิชฌกูฏในกรุงราชคฤห์มหานครนั่นเอง ข้อนี้ก็แปลว่าเถรเว่ยหล่างเขาอุตริบัญญัติขึ้นมาเอาดื้อ ๆ ตามอุดมการณ์อันชั่วช้าสามานย์ของเขาเท่านั้นเอง




 จากหนังสือ  อานุภาพฌานสายฟ้าผ่า  โดย  หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล
         

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เชิญร่วมงานปริวาสกรรมประจำปี 2558 วัดนพรัตน์วนาราม

กำหนดการงานปริวาสกรรมประจำปี 2558 วัดนพรัตน์วนาราม 


จ.ชัยภูมิ  ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ถึง 12 ธันวาคม  2558



พระมหากันติทัต กนฺติทตฺโต



Tel.0894141210



http://www.facebook.com/ttkorn