วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ปริศนาธรรมเรือแพ

                                                                               

  ต่อไปนี้ขอให้ท่านผู้มีวาสนาบารมีจงสังเกตเอาตามพุทธพจน์  ดังต่อไปนี้  สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ได้
ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  เมื่อเธอทั้งหลายอาศัยเรือ  อาศัยแพ  พาข้ามแม่น้ำจนถึงฝั่งได้แล้ว  พวกเธอทั้งหลายจะเอาเรือยกเทินบนศีรษะไปด้วยหรือ
        ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ก็พากันตอบว่า   ข้าพระองค์ไม่ได้แบกเอาเรือเทินบนศีรษะไปด้วยแต่ประการใด
       พระพุทธองค์ก็ซักต่อไปว่า
       แล้วพวกเธอจะทำอย่างไรกับเรือ
       ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ก็พากันตอบว่า
       ข้าพระองค์ก็ทิ้งเรือทิ้งแพไว้ที่ท่าน้ำนั้นเลย  แล้วก็เดินขึ้นไปบนบกแต่ตัวเปล่าๆเท่านั้น
       พระพุทธองค์ก็ตรัสว่า
       ถูกละ   ถูกละ   ถูกของพวกเธอทั้งหลาย

     ปริศนาธรรมในพุทธพจน์อันแสนจะลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพข้อนี้มีความหมายว่า  คำว่าเรือหรือแพนั้นหมายถึง อริยศีล หรือ อริยสมาธิ  และ  อริยปัญญา  ที่รวมพลังเป็นอานุภาพของอริยมรรคสมังคีนั่นแล  คำว่าบนบก  หมายถึงสภาวะขององค์ฌานนิโรธสมาบัติ  หรือหมายถึงสภาวะของพระนิพพานนั่นเอง


      การที่จะบรรลุถึงองค์ฌานนิโรธสมาบัติได้นั้น  จะพากันหอบเอาสติปัญญา  หรือหอบเอาความคิดเข้าไปด้วยไม่ได้เป็นอันขาด  เพราะสติปัญญาเขาก็เป็นชื่อของความคิดนั่นแหละ  แต่มันเป็นความคิดฝ่ายดี  มันมีแดนเกิดอยู่ในกองสังขารขันธ์เหมือนกัน  และสติปัญญาตัวนี้เขายังไม่ได้เป็นวิสังขารแต่ประการใดๆ ทั้งสิ้น  และวิสังขารญาณอันละเอียดสุขุมคัมภีรภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้นั้นได้ทรงอานุภาพขององค์ฌานนิโรธสมาบัติผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้น

       นอกจากนั้นอย่าพูดถึงเขาเลยถ้ายังใช้สติปัญญา  หรือยังใช้ความคิดพิจารณา ไม่หยุดไม่หย่อน  มันจะเป็นองค์ฌานนิโรธสมาบัติได้อย่างไรกัน  และมันก็เป็นพระนิพพานไปไม่ได้เป็นอันขาด  เพราะนิโรธกับนิพพานก็เป็นศัพท์เดียวกัน  และนิโรธกับนิพพานก็แปลว่าดับเหมือนกัน จะดับอะไร  ถ้าไม่ใช่ดับความคิดหรือดับสติปัญญานั่นแล  และ  กิเลสตัณหาอาสวะหรือกองทุกข์ทั้งมวล  มันก็อาศัยความคิดนี้แลเป็นแดนเกิดแดนตายของมัน

        ถ้าดับความคิดลงได้แล้ว  กิเลสตัณหาอาสวะมันก็เอวังเท่านั้นเอง

หมายเหตุ  ตอนเข้าฌานนิโรธสมาบัติ  หรือตอนเข้าอนุปาทิเสสนิพพานธาตุนั้นเรียกว่าวิสังขารเฉยๆ เมื่อออกจากฌานนิโรธสมาบัติแล้วหลวงพ่อจึงสมมุติเรียกเป็น  วิสังขารญาณ



 จากหนังสือ  อานุภาพฌานสายฟ้าผ่า  โดย  หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล