วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558
ปริศนาธรรมเรือแพ
ต่อไปนี้ขอให้ท่านผู้มีวาสนาบารมีจงสังเกตเอาตามพุทธพจน์ ดังต่อไปนี้ สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ได้
ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายอาศัยเรือ อาศัยแพ พาข้ามแม่น้ำจนถึงฝั่งได้แล้ว พวกเธอทั้งหลายจะเอาเรือยกเทินบนศีรษะไปด้วยหรือ
ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ก็พากันตอบว่า ข้าพระองค์ไม่ได้แบกเอาเรือเทินบนศีรษะไปด้วยแต่ประการใด
พระพุทธองค์ก็ซักต่อไปว่า
แล้วพวกเธอจะทำอย่างไรกับเรือ
ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ก็พากันตอบว่า
ข้าพระองค์ก็ทิ้งเรือทิ้งแพไว้ที่ท่าน้ำนั้นเลย แล้วก็เดินขึ้นไปบนบกแต่ตัวเปล่าๆเท่านั้น
พระพุทธองค์ก็ตรัสว่า
ถูกละ ถูกละ ถูกของพวกเธอทั้งหลาย
ปริศนาธรรมในพุทธพจน์อันแสนจะลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพข้อนี้มีความหมายว่า คำว่าเรือหรือแพนั้นหมายถึง อริยศีล หรือ อริยสมาธิ และ อริยปัญญา ที่รวมพลังเป็นอานุภาพของอริยมรรคสมังคีนั่นแล คำว่าบนบก หมายถึงสภาวะขององค์ฌานนิโรธสมาบัติ หรือหมายถึงสภาวะของพระนิพพานนั่นเอง
การที่จะบรรลุถึงองค์ฌานนิโรธสมาบัติได้นั้น จะพากันหอบเอาสติปัญญา หรือหอบเอาความคิดเข้าไปด้วยไม่ได้เป็นอันขาด เพราะสติปัญญาเขาก็เป็นชื่อของความคิดนั่นแหละ แต่มันเป็นความคิดฝ่ายดี มันมีแดนเกิดอยู่ในกองสังขารขันธ์เหมือนกัน และสติปัญญาตัวนี้เขายังไม่ได้เป็นวิสังขารแต่ประการใดๆ ทั้งสิ้น และวิสังขารญาณอันละเอียดสุขุมคัมภีรภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้นั้นได้ทรงอานุภาพขององค์ฌานนิโรธสมาบัติผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้น
นอกจากนั้นอย่าพูดถึงเขาเลยถ้ายังใช้สติปัญญา หรือยังใช้ความคิดพิจารณา ไม่หยุดไม่หย่อน มันจะเป็นองค์ฌานนิโรธสมาบัติได้อย่างไรกัน และมันก็เป็นพระนิพพานไปไม่ได้เป็นอันขาด เพราะนิโรธกับนิพพานก็เป็นศัพท์เดียวกัน และนิโรธกับนิพพานก็แปลว่าดับเหมือนกัน จะดับอะไร ถ้าไม่ใช่ดับความคิดหรือดับสติปัญญานั่นแล และ กิเลสตัณหาอาสวะหรือกองทุกข์ทั้งมวล มันก็อาศัยความคิดนี้แลเป็นแดนเกิดแดนตายของมัน
ถ้าดับความคิดลงได้แล้ว กิเลสตัณหาอาสวะมันก็เอวังเท่านั้นเอง
หมายเหตุ ตอนเข้าฌานนิโรธสมาบัติ หรือตอนเข้าอนุปาทิเสสนิพพานธาตุนั้นเรียกว่าวิสังขารเฉยๆ เมื่อออกจากฌานนิโรธสมาบัติแล้วหลวงพ่อจึงสมมุติเรียกเป็น วิสังขารญาณ
จากหนังสือ อานุภาพฌานสายฟ้าผ่า โดย หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)