วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การรู้กับการตรัสรู้













ส่วนท่าน พุทธทาส อธิบายใน หนังสือ ตามรอยพระอรหันต์ ดังนี้


คำว่า “ตรัสรู้” หมายความว่า “คิดเอาจนรู้” ไม่ใช่นั่งรอนอนรอ ให้ความรู้ปรากฏขึ้นในใจเอง, ไม่ใช่เพียงอ่านเองเฉย ๆ มาก ๆ ก็จะตรัสรู้ได้ ต้องเป็นการรวบรวมค้นคว้าหาเหตุผลอย่างมากและนาน ในเรื่องที่ตนต้องการให้ตรัสรู้นั้น, อาศัยการเทียบเคียงเหตุผลเก่าใหม่ ใช้ความรู้เก่าสาวเอาความรู้ใหม่มาอีก เป็นทอด ๆ ไป ในที่สุดก็รู้ได้หมด หรือพอเพียงแต่ความต้องการ. คนโดยมาก เมื่อได้ความรู้พอที่จะทำให้เขาสรรเสริญ หรือรู้สึกว่าก้าวหน้ากว่าเพื่อนฝูงแล้ว ก็พะวงหลงรัก เชิดชูความรู้นั้น เลยนึกเอาว่าเพียงพอแก่ชีวิตของตน มัวใช้เวลาวันหนึ่ง ๆ ให้หมดสิ้นไปด้วยการวางท่าเป็นศาสดา หรือเที่ยวตีฝีปากกับผู้มีความรู้หย่อนกว่าตัว, เขาก็เลยรู้เพียงแค่นั้น หรืออาจกลับรู้น้อยลงไปอีก เพราะระหว่างที่รู้สึกตัวลอย ทำให้ลืมความรู้เก่าไปทีละเล็กละน้อย ความรู้จึงไม่เจริญถึงที่สุดพอที่จะให้ตรัสรู้ได้. หรือบางคนเป็นด้วยถือมานะ ในการที่ตนมีอายุมากกว่า หรือเคยเป็นครูเขาอยู่ จะมายอมเป็นศิษย์เด็กหน้าใหม่ไม่ลงคอ เช่นเดียวกับพราหมณ์ผู้เฒ่าเป็นอันมาก หรือสุกุลุทายิปริพพาชก ในสุกุลุทายิสูตร เป็นต้น ทั้งที่รู้ดีว่าข้อปฏิบัติในสาสนานี้ ดีกว่าของตน ก็สละมาบวชไม่ลง ด้วยถือมานะบ้าง บริวารค้านไว้บ้าง เขาจึงไม่อาจตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าได้. ส่วนพระองค์เองตรงกันข้าม เที่ยวศึกษาทดลองดูทุกลัทธิที่อยากทราบ เพื่อเป็นเครื่องมือหาความรู้ที่สูงขึ้นไป ในที่สุดก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น